ม้าน้ำรู้จักแล้วคุณจะรักเอง - You Cilck

เป็นที่นิยม

ม้าน้ำรู้จักแล้วคุณจะรักเอง

ม้าน้ำ น่ารัก

%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3



ม้าน้ำ เป็นปลากระดูกแข็งที่อาศัยอยู่ในทะเลจำพวกหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Hippocampinae (ซึ่งมีอยู่ 2 สกุล คือหนึ่งสกุลนั้นคือ ปลาจิ้มฟันจระเข้สัน ที่อยู่ในสกุล Histiogamphelus มีรูปร่างคล้ายปลาจิ้มฟันจระเข้ผสมกับม้าน้ำ) ในวงศ์ Syngnathidae อันเป็นวงศ์เดียวกับปลาจิ้มฟันจระเข้และมังกรทะเล ในอันดับ Syngnathiformes

%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B36



ศัพทมูลวิทยาและความเชื่อ



สำหรับม้าน้ำนั้นจะมีอยู่เพียงสกุลเดียว คือ Hippocampus (กรีก: ιππος, hippos = ม้า, καμπος, kampos = สัตว์ประหลาดทะเล) ในเทพปกรณัมกรีกและโรมัน ม้าน้ำเป็นพาหนะของโพไซดอนหรือเนปจูน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ม้าน้ำเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ในความเชื่อของชาวยุโรป ม้าน้ำเป็นทูตที่นำพาดวงวิญญาณของกะลาสีไปสู่ปรโลก นำดวงวิญญาณไปยังจุดที่พักจนกว่าดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ ในระยะแรกของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกทำให้นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถจัดได้ว่าม้าน้ำเป็นสัตว์จำพวกใด จึงจัดให้เป็นสัตว์ที่แยกออกมาต่างหาก ก่อนที่จะมีการพบว่าแท้จริงแล้วม้าน้ำเป็นปลาและจัดให้เป็นปลากระดูกแข็ง และในระยะแรกยังไม่มีผู้ใดทราบว่า แท้ที่จริงแล้วม้าน้ำตัวที่คลอดลูก คือ ม้าน้ำตัวผู้ มิใช่ตัวเมีย

%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B35
%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B34



ลักษณะและพฤติกรรม



ม้าน้ำ เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างไปจากปลาชนิดอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ มีกระดูกหรือก้างมาห่อหุ้มเป็นเกราะอยู่ภายนอกตัวแทนเกล็ด ส่วนหางของแทนที่จะเป็นครีบสำหรับว่ายน้ำไปมาอย่างปลาชนิดอื่น กลับมีหางยาวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน มีไว้เพียงเพื่อเกี่ยวยึดตัวเองกับพืชน้ำหรือปะการังในน้ำ มีครีบอกและมีครีบบางใสตรงเอวอีกครีบหนึ่งช่วยโบกพัดกระพือ โดยครีบทั้ง 2 นี้จะโบกพัดด้วยความเร็วประมาณ 20-30 ครั้งต่อวินาที ทำให้เคลื่อนไหวไปมาได้อย่างช้า ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วม้าน้ำมักจะว่ายน้ำเป็นไปในลักษณะขึ้น-ลง มากกว่าไปมาข้างหน้า-ข้างหลังเหมือนปลาชนิดอื่น โดยถือเป็นปลาที่ว่ายน้ำช้าที่สุดในโลกอีกด้วย โดยว่ายได้เพียง 0.06 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น[4] ปากยื่นยาวคล้ายท่อไม่มีกราม ตรงปลายมีที่เปิด ใช้สำหรับดูดกินอาหาร จำพวกแพลงก์ตอนและสัตว์น้ำขนาดเล็ก ๆ อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนสีลำตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ด้วย เพื่ออำพรางตัว

%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B33



ม้าน้ำ เหมือนกับปลาชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในวงศ์เดียวกันนี้ คือ ตัวผู้จะเป็นฝ่ายอุ้มท้อง โดยมีอวัยวะตรงบริเวณหน้าท้องคล้ายถุง ใช้สำหรับเก็บไข่และฟักเป็นตัว เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ม้าน้ำตัวผู้จะปรับเปลี่ยนสีของลำตัวเพื่อดึงดูดม้าน้ำตัวเมีย จากนั้นตัวผู้จะใช้หางโอบกอดตัวเมียพร้อมกับแอ่นท้องประกบกับท้องเข้าหากัน ตัวเมียจะออกไข่ใส่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้ และม้าน้ำตัวผู้ก็จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่และฟักเป็นตัวอ่อนภายในถุงหน้าท้อง โดยใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนแล้วแต่ชนิด[6] โดยจำนวนไข่ในแต่ละครั้งจะมีประมาณ 100-200 ฟอง มากที่สุดคือ 1,500 ฟอง ตามแต่ละชนิด มีระยะการตั้งท้องในแต่ละครั้งเว้นห่าง 28-30 วัน[3] แต่ม้าน้ำตัวผู้บางตัวเมื่อออกลูกในตอนเช้า พอถึงตอนค่ำก็สามารถอุ้มท้องใหม่ได้เลยทันที โดยม้าน้ำถือว่าเป็นปลาที่ออกลูกและแพร่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว แต่จะมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เจริญเติบโตจนกลายเป็นตัวเต็มวัยในเวลาต่อมา



เมื่อคลอด ม้าน้ตัวผู้จะบีบกล้ามเนื้อส่วนท้องและพ่นลูกม้าน้ำทั้งหมดออกจากกระเป๋าหน้าท้อง โดยที่ม้าน้ำมีพฤติกรรมแบบคู่เดียวตลอดทั้งชีวิต กล่าวคือ จะจับคู่อยู่กันเพียงตัวเดียว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีอันเป็นไป ก็จะไม่หาคู่ใหม่

%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B32



ชนิด



ม้าน้ำ มีความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 15 เซนติเมตร ตามแต่ละชนิด โดยขนาดเล็กเช่น ม้าน้ำจำพวกม้าน้ำแคระ จะมีความยาวเพียง 2.5 เซนติเมตรเท่านั้น มีการแพร่กระจายพันธุ์ในทะเลเขตอบอุ่นทั่วทั้งโลก และยังพบได้ตามแหล่งน้ำกร่อย เช่น ตามปากแม่น้ำต่าง ๆ เช่น ปากแม่น้ำเทมส์ ในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันพบทั้งหมด 54 ชนิด ส่วนม้าน้ำที่พบได้ในน่านน้ำไทยมีประมาณ 6 ชนิด ได้แก่



1.ม้าน้ำดำ (H. kuda) หรือ ม้าน้ำธรรมดา จัดเป็นม้าน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่พบได้ในน่านน้ำไทย มีลำตัวสีดำสนิท ส่วนใหญ่มักเปลี่ยนเป็นสีครีม, สีเหลือง และน้ำตาลแดง พบง่ายบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของอ่าวไทย



2.ม้าน้ำหนาม (H. spinosissimus) อาศัยอยู่ในบริเวณน้ำค่อนข้างลึกและสภาพน้ำค่อนข้างใส มีสีสันสวยงาม มักจะมีสีออกน้ำตาลแดง มีลายจุดสีออกขาว เป็นแถบกว้างคาดบริเวณลำตัว มีหนามมากค่อนข้างแหลมและยาว แต่มีขนาดเล็กกว่าม้าน้ำดำ



3.ม้าน้ำสามจุด (H. trimaculatus) พบตามเขตชายฝั่งในฤดูหนาว มักปรากฏจุดดำประมาณ 3 จุด บริเวณส่วนบนของลำตัว จึงเป็นที่มาของชื่อ



4.ม้าน้ำแคระ (H. mohnikei) มีขนาดเล็กที่สุด พบเห็นไม่บ่อยนัก ลำตัวตัวสีดำ อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง เกาะอยู่ตามสาหร่ายทะเล บริเวณที่เป็นพื้นทราย



5.ม้าน้ำยักษ์ (H. kelloggi) หรือ ม้าน้ำใหญ่ เป็นม้าน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีความยาวได้ถึง 28 เซนติเมตร



6.ม้าน้ำหนามขอ (H. histrix) มีลักษณะที่แตกต่างไปจากชนิดอื่น คือ มีปากขนาดยาวกว่า มีหนามที่เหนือตาและมีส่วนหน้าที่ยาวอย่างเห็นได้ชัด มีหนามบนหัว หนามตามลำตัวและหางจะแหลม บริเวณปลายหนามจะมีสีดำเข้ม เมื่อเอามือไปสัมผัสจะรู้สึกว่าเกี่ยวติดมือ หนามที่หางมีความยาวเท่า ๆ กัน

%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B31


ขอบคุณที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ม้าน้ำ
ที่มาภาพ : https://pixabay.com/th/ม้าน้ำ-พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ-น้ำ-ปลา-200318/